เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุต้นกำเนิด คือ
เมื่อเราให้งานหรือพลังงานแก่วัตถุต้นกำเนิดเสียง
พลังงานของการสั่นจะถ่ายโอนให้กับโมเลกุลของตัวกลางที่อยู่รอบๆ
ทำให้โมเลกุลของตัวกลางสั่น แล้วถ่ายโอนพลังงานให้กับโมเลกุลถัดไป
มีผลให้คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปโดยรอบแหล่งกำเนิดโดยโมเลกุลของตัวกลางไม่ได้เคลื่อนที่ไปพร้อมกับคลื่นเสียง
หลังจากเสียงเคลื่อนที่ผ่านไปแล้วโมเลกุลของตัวกลางแต่ละตำแหน่งยังคงอยู่ที่เดิม
นั่นคือ คลื่นเสียงเคลื่อนที่ผ่านโมเลกุลของตัวกลางจะเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิกในแนวเดียวกับที่การเคลื่อนที่ของเสียง
ดังนั้นเสียงจึงเป็นคลื่นตามยาว
เมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ของเสียงในอากาศ
ขณะที่เสียงผ่านอากาศโมเลกุลของอากาศจะเกิดการสั่นทำให้เกิดเป็นช่วงอัด (compression)
และช่วงขยาย (rarefaction)
ที่มา http://www.sa.ac.th/winyoo/Sound/Applets/Waves/Lwave01/Lwave01Applet.html
เมื่อวัตถุแหล่งกำเนิดเสียงเกิดการสั่น
จะทำให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของโมเลกุลอากาศต่อเนื่องสลับกันไป
เกิดการถ่ายถอดพลังงานผ่านโมเลกุลอากาศออกไป บริเวณที่อากาศอัดตัว
อากาศจะมีความดันสูงกว่าปกติ และบริเวณที่อากาศขยายตัวจะมีความดันต่ำกว่าปกติ
ที่มา http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=75593
จากรูป
· ณ ตำแหน่งที่อากาศอัดตัว จะทำให้ความดันอากาศสูงสุด โดยโมเลกุลที่ตำแหน่งกึ่งกลางช่วงอัดไม่มีการกระจัด
ดังนั้นตำแหน่งนี้การกระจัดโมเลกุลอากาศเป็นศูนย์
· ณ ตำแหน่งที่อากาศขยายตัว จะทำให้ความดันอากาศต่ำสุด โดยโมเลกุลที่ตำแหน่งกึ่งกลางช่วงอัดไม่มีการกระจัด
ดังนั้นตำแหน่งนี้การกระจัดโมเลกุลอากาศเป็นศูนย์
· เมื่อเปรียบเทียบเฟสของกราฟความดันอากาศกับกราฟการกระจัดโมเลกุลอากาศ
พบว่ากราฟมีเฟสต่างกัน 90 องศา(โดยเฟสการกระจัดมากกว่า)
·ระยะจากกลางช่วงอัดถึงอัดที่อยู่ถัดกัน
หรือขยายถึงขยายที่อยู่ถัดกันไป จะมีระยะห่างกันเท่ากับ 1 ความยาวคลื่น
ที่มา http://www.alicerecordingstudio.com/article_webpage/article_sound_theory_webpage/article_webpage_sound_theory/article_webpage_sound_theory_01.html
ที่มา : http://thegeniusphysics.blogspot.com/p/3.html
:http://www.sa.ac.th/winyoo/Sound/Applets/Waves/Lwave01/Lwave01Applet.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น